03 มีนาคม 2542

งบการเงินและงบการเงินรวมประจำปี

- 11 - งบการเงินเฉพาะบริษัท สัดส่วนการถือหุ้น พันบาท ทางตรงและ 2541 ทางอ้อม (ร้อยละ) ราคาทุน มูลค่าสุทธิ ค่าเผื่อ 2541 2540 2541 2540 ตามบัญชี การลดมูลค่า บริษัท บางนา เซ็นทรัล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด 19.99 19.99 107,946 107,946 44,654 80,960 บริษัท จิวเวลรี่ โฮลดิ้ง จำกัด - 17.20 - 2,869 - - บริษัท สยาม รีเทล ดีเวลล็อปเม้นท์ จำกัด 15.00 15.00 66,250 66,250 - 49,687 บริษัท สแควร์ริทซ์ พลาซ่า จำกัด 12.00 12.00 15,000 15,000 14,933 11,250 บริษัท จิวเวลรี่ เรียลตี้ จำกัด - 13.65 - 117,869 - - บริษัท อยุธยาเกษตรธานี จำกัด 11.85 11.85 50,397 50,397 39,107 25,199 เงินลงทุนอื่น 0.14 0.14 1,000 1,000 480 - รวม 240,593 361,331 167,096 มูลค่าสุทธิตามบัญชีของบริษัทที่ลงทุนใช้ข้อมูลตามงบการเงินที่ตรวจสอบแล้วสำหรับปี สิ้นสุดวัน ที่ 31 ธันวาคม 2540 10. เงินลงทุนในหลักทรัพย์จดทะเบียน ที่ประชุมคณะกรรมการเมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2540 ได้มีมติให้เปลี่ยนวัตถุประสงค์เงินลงทุนในหลัก ทรัพย์จดทะเบียนบางส่วนซึ่งมีราคาตลาด ณ วันที่ 31 มีนาคม 2540 จำนวนประมาณ 19.75 ล้านบาท จากถือเป็นเงินลงทุนระยะสั้นไปเป็นเงินลงทุนระยะยาวตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2540 เป็นต้นไป ผลขาดทุน ที่ยังไม่เกิดขึ้นจากเงินลงทุนดังกล่าวจำนวนประมาณ 18.75 ล้านบาท ได้รวมไว้ในส่วนของผู้ถือหุ้นในงบ ดุล บริษัทได้ขายเงินลงทุนดังกล่าวในปี 2541 - 12 - 11. อาคารชุดพักอาศัยและอาคารร้านค้าเพื่อให้เช่า งบการเงินรวม พันบาท 2541 2540 สิทธิการเช่าที่ดิน 56,533 55,267 อาคารระหว่างก่อสร้าง 94,117 99,872 ต้นทุนดอกเบี้ย 33,086 33,086 เครื่องตกแต่ง ติดตั้งและเครื่องใช้สำนักงาน 11,479 - รวม 195,215 188,225 หัก ต้นทุนการขายสิทธิการเช่าห้องชุดพักอาศัย - 114,665 ค่าเสื่อมราคาสะสม 7,694 - สุทธิ 187,521 73,560 12. สินทรัพย์เพื่อให้เช่า - ราคาทุนและราคาประเมิน พันบาท งบการเงินรวม งบการเงินของบริษัท 2541 2540 2541 2540 ที่ดิน - ราคาประเมิน 775,041 780,363 - - - ราคาทุน 533,135 526,047 300,907 300,907 สิทธิการเช่าที่ดิน (หมายเหตุ 19.1) 915,421 914,270 640,815 640,815 อาคารและส่วนปรับปรุง 6,836,744 6,688,005 3,656,985 3,648,908 ยานพาหนะ 11,885 16,062 - - งานระหว่างก่อสร้าง 87,910 70,696 31,693 9,552 รวม 9,160,136 8,995,443 4,630,400 4,600,182 หัก ค่าเสื่อมราคาและรายจ่ายตัด บัญชีสะสม 1,698,659 1,322,015 1,172,214 1,007,953 สุทธิ 7,461,477 7,673,428 3,458,186 3,592,229 - 13 - บริษัทย่อยได้ถือปฏิบัติตามมาตรฐานการบัญชีฉบับที่ 9 ซึ่งกำหนดโดยสมาคมนักบัญชีและผู้สอบ บัญชีรับอนุญาตแห่งประเทศไทยที่อนุญาตให้มีการบันทึกมูลค่าที่ดิน อาคารและอุปกรณ์ด้วยราคาประเมิน เพื่อวัตถุประสงค์ในการเสนองบการเงิน ดังนั้น ที่ดินที่ใช้ในการดำเนินงาน ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2536 ซึ่งบริษัทย่อยบันทึกในบัญชีด้วยราคาทุนรวมประมาณ 55.2 ล้านบาท ได้ถูกบันทึกในบัญชีใหม่ด้วย ราคาประเมินจำนวนเงินรวมประมาณ 835.6 ล้านบาท บริษัทย่อยได้ประเมินราคาที่ดินดังกล่าวโดย อาศัยข้อมูลที่ได้รับจากผู้ชำนาญการตีราคาอิสระ ส่วนเกินจากการประเมินราคาที่ดินซึ่งมีจำนวนเงินรวม ทั้งสิ้นประมาณ 115.3 ล้านบาท ตามสัดส่วนของบริษัท (สุทธิจากส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อย) ได้บันทึกไว้ ในบัญชี "ส่วนเกินทุนจากการตีราคาที่ดินเพิ่ม" ซึ่งได้แสดงภายใต้หัวข้อ "ส่วนของผู้ถือหุ้น" ในงบดุล รวม จากการรังวัดที่ดินในปี 2540 ที่ดินส่วนหนึ่งของบริษัทได้ถูกโอนไปให้บริษัทที่เกี่ยวข้องกันแห่งหนึ่ง ด้วยเหตุนี้ทำให้ส่วนเกินทุนจากการประเมินราคาที่ดินลดลงประมาณ 2.6 ล้านบาท ส่วนเกินจากการประเมินราคาที่ดินเพิ่มนี้จะนำไปจ่ายเป็นเงินปันผลไม่ได้ ในปี 2541 และ 2540 บริษัทย่อยบันทึกดอกเบี้ยเงินกู้ยืมเพื่อก่อสร้างอาคารและระบบ สาธารณูปโภคที่เกิดขึ้นในระหว่างการก่อสร้างไว้เป็นส่วนหนึ่งของต้นทุนอาคารและระบบสาธารณูปโภคจำนวนเงิน ประมาณ 43.5 ล้านบาท และ 245.6 ล้านบาทตามลำดับ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2541 และ 2540 บริษัทย่อยมีภาระผูกพันที่จะต้องจ่ายค่าก่อสร้างอาคาร ระบบสาธารณูปโภคและระบบต่างๆ ค่าวัสดุก่อสร้าง ค่าออกแบบควบคุมและบริหารงานสำหรับโครงการ ต่างๆ เป็นเงินรวมประมาณ 141.5 ล้านบาท และ 216.3 ล้านบาทตามลำดับ งบการเงินรวมมีค่าเสื่อมราคาและรายจ่ายตัดบัญชีของสินทรัพย์เพื่อให้เช่าและเครื่องตกแต่งและ เครื่องใช้สำนักงานสำหรับปี 2541 และ 2540 เป็นจำนวนเงินประมาณ 466.5 ล้านบาท และ 367.3 ล้าน บาท ตามลำดับ งบการเงินของบริษัทมีค่าเสื่อมราคาและรายจ่ายตัดบัญชีของสินทรัพย์เพื่อให้เช่าและเครื่องตกแต่ง และเครื่องใช้สำนักงานสำหรับปี 2541 และ 2540 เป็นจำนวนเงินประมาณ 201.1 ล้านบาท และ 192.3 ล้านบาท ตามลำดับ - 14 - 13. ต้นทุนโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ - ศูนย์การค้า งบการเงินรวม พันบาท ดอกเบี้ยจ่าย สิทธิการเช่า ที่บันทึกเป็น ที่ดิน งานระหว่าง ต้นทุนของ ที่ดิน (หมายเหตุ 19.1) ก่อสร้าง สินทรัพย์ รวม 2541 บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา เชียงใหม่ จำกัด 430,000 - - 157,206 587,206 บริษัท โฟกัส โฮลดิ้ง จำกัด - 283,238 71,468 114,826 469,532 บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา โคราช จำกัด 134,160 81,996 5,434 20,322 241,912 บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา ขอนแก่น จำกัด 383,163 - 239 77,838 461,240 บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา ชลบุรี จำกัด - 14,347 131,870 1,864 148,081 บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา ไนน์ สแควร์ จำกัด - 377,333 27,287 664 405,284 รวม 947,323 756,914 236,298 372,720 2,313,255 หัก ค่าเผื่อผลขาดทุนจากมูลค่า ที่คาดว่าจะได้รับคืน 258,077 สุทธิ 2,055,178 2540 บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา เชียงใหม่ จำกัด 430,000 - - 113,659 543,659 บริษัท โฟกัส โฮลดิ้ง จำกัด - 273,479 58,177 114,826 446,482 บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา โคราช จำกัด 134,160 81,996 5,434 17,832 239,422 บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา ขอนแก่น จำกัด 383,163 - 239 77,838 461,240 บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา ชลบุรี จำกัด - 14,347 128,289 1,864 144,500 บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา ไนน์ สแควร์ จำกัด - 377,333 27,287 664 405,284 รวม 947,323 747,155 219,426 326,683 2,240,587 - 15 - ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2541 บริษัทย่อยมีต้นทุนโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ - ศูนย์ การค้า จำนวนเงินรวมประมาณ 2,313 ล้านบาท ฝ่ายบริหารของบริษัทย่อยได้ชะลอการก่อสร้าง โครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าวและได้ตั้งค่าเผื่อผลขาดทุนจากมูลค่าที่คาดว่าจะได้รับคืนของ สินทรัพย์ดังกล่าวไว้เป็นจำนวนเงินรวมประมาณ 258 ล้านบาท การตัดสินใจดำเนินการก่อสร้างโครงการดัง กล่าวต่อไป ขึ้นอยู่กับสภาวะเศรษฐกิจในอนาคตและความสามารถในการหาเงินลงทุนเพิ่มเติม 14. เงินเบิกเกินบัญชีและเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน พันบาท งบการเงินรวม งบการเงินของบริษัท 2541 2540 2541 2540 เงินเบิกเกินบัญชีธนาคาร 35,599 54,016 12,276 9,508 เงินกู้ยืมจากธนาคารในต่างประเทศ 184,450 400,061 184,450 400,061 รวม 220,049 454,077 196,726 409,569 บริษัทและบริษัทย่อยมีวงเงินเบิกเกินบัญชีกับธนาคารในประเทศหลายแห่งโดยมีอัตรา ดอกเบี้ย เท่ากับ อัตราดอกเบี้ยเงินเบิกเกินบัญชีขั้นต่ำ บริษัทมีเงินกู้ยืมกับธนาคารในต่างประเทศแห่งหนึ่งเป็นจำนวนเงินประมาณ 185 ล้านบาท (5 ล้าน เหรียญสหรัฐอเมริกา) เงินกู้ยืมเหล่านี้มีอัตราดอกเบี้ยอิงกับอัตราเงินกู้ยืมระหว่างธนาคารในสิงคโปร์ (SIBOR) ภายใต้สัญญาเงินกู้ยืมดังกล่าวบริษัทได้ให้คำรับรองในเรื่องการกำหนดอัตราการจ่ายเงินปันผลต้อง ไม่เกินร้อยละ 50 ของกำไรสุทธิของงบการเงินรวมปีก่อน 15. เงินกู้ยืมระยะยาว พันบาท งบการเงินรวม งบการเงินของบริษัท 2541 2540 2541 2540 เงินกู้ยืมจากธนาคารในต่างประเทศ - 190,224 - 190,224 เงินกู้ยืมตามสัญญาเงินกู้ร่วม 772,915 772,915 772,915 772,915 เงินกู้ยืมจากธนาคารในประเทศ 1,421,694 1,486,877 - - รวม 2,194,609 2,450,016 772,915 963,139 หัก ส่วนที่ถึงกำหนดชำระภายใน หนึ่งปี 2,194,609 747,101 772,915 190,224 เงินกู้ยืมระยะยาว - สุทธิ - 1,702,915 - 772,915 - 16 - บริษัทมีเงินกู้ยืมระยะยาวกับธนาคารในต่างประเทศแห่งหนึ่งเป็นจำนวนเงินประมาณ 167 ล้าน บาท ( 4 ล้านเหรียญสหรัฐอเมริกา) โดยมีอัตราดอกเบี้ยอิงกับอัตราเงินกู้ยืมระหว่างธนาคารในลอนดอน (LIBOR) บริษัทได้ชำระคืนทั้งจำนวนในเดือนธันวาคม 2541 ภายใต้สัญญาเงินกู้ ดังกล่าว บริษัทได้ให้ คำรับรองในเรื่องต่าง ๆ เช่น การไม่เพิ่มภาระผูกพันในทรัพย์สินที่เปิด ดำเนินการแล้วของบริษัทและ บริษัทย่อย การกำหนดอัตราการจ่ายเงินปันผลจะต้องไม่เกินกำไรสุทธิของงบการเงินรวม เป็นต้น บริษัททำสัญญาเงินกู้ร่วมกับสถาบันการเงินในต่างประเทศเป็นจำนวนเงินรวมประมาณ 773 ล้าน บาท (30 ล้านเหรียญสหรัฐอเมริกา) โดยมีอัตราดอกเบี้ยอิงกับอัตราเงินกู้ยืมระหว่างธนาคารในสิงคโปร์ (SIBOR) มีกำหนดชำระคืนทั้งจำนวนในเดือนกันยายน 2542 ภายใต้สัญญาเงินกู้ร่วมดังกล่าว บริษัทได้ให้คำรับรองในเรื่องต่าง ๆ เช่น การรักษาอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วน ของผู้ถือหุ้น การรักษาอัตรา ส่วนการกู้ยืมต่อส่วนของผู้ถือหุ้นโดยใช้ข้อมูลจากงบการเงินรวมและการไม่เพิ่มภาระผูกพันในทรัพย์สินที่ เปิดดำเนินการแล้วของบริษัทและบริษัทย่อย เป็นต้น ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2541 บริษัทมีอัตราส่วนหนี้สินต่อ ส่วนของผู้ถือหุ้น 2.0 ต่อ 1 และอัตราส่วนการกู้ยืมต่อส่วนของผู้ถือหุ้น 1.0 ต่อ 1 โดยคำนวณจากข้อมูล งบการเงินรวม เพื่อลดผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ บริษัทได้ทำสัญญาแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศกับธนาคารต่างประเทศแห่งหนึ่ง เพื่อกำหนดอัตราแลก เปลี่ยนเงินตราต่างประเทศจำนวน 30 ล้านเหรียญสหรัฐอเมริกาเป็น 773 ล้านบาท สัญญาแลกเปลี่ยน เงินตราต่างประเทศนี้มีค่าธรรมเนียมประมาณ 33 ล้านบาท (ประมาณ 0.8 ล้านเหรียญสหรัฐอเมริกา) ต่อ ปี จนถึงเดือนกันยายน 2542 อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงมีภาระหนี้สินต่อผู้ให้กู้ถ้าธนาคารต่างประเทศดัง กล่าวไม่สามารถชำระหนี้ให้แก่ผู้ให้กู้ได้ ตั้งแต่ปี 2538 บริษัทย่อยมีสัญญาเงินกู้ยืมระยะยาวกับธนาคารในประเทศแห่งหนึ่ง ใน วงเงิน 1,500 ล้านบาท โดยมีอัตราดอกเบี้ยเท่ากับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ยืมขั้นต่ำ (MLR) มีกำหนดชำระคืนในเวลา เจ็ด (7) งวด ทุกงวด 6 เดือน เริ่มตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2540 เป็นต้นไป แต่จากภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ เอื้ออำนวยกอปรกับนโยบายการหยุดปล่อยสินเชื่อของระบบธนาคารพาณิชย์ ลูกหนี้ค่าสิทธิการเช่า ระยะยาวจึงไม่สามารถหาแหล่งสนับสนุนทางการเงิน เพื่อมาชำระหนี้ให้ บริษัทย่อย ทำให้บริษัทย่อยไม่ สามารถชำระหนี้ที่ถึงกำหนดแก่ธนาคารได้เช่นกัน ธนาคารจึงมีหนังสือลงวันที่ 5 มิถุนายน 2541 อนุมัติ ผ่อนผันให้บริษัทย่อยเลื่อนการชำระคืนเงินกู้งวดที่ 1 จำนวน 500 ล้านบาท ออกไปเป็นเดือนธันวาคม 2541 และลดจำนวนเงินลงเหลือ 300 ล้านบาท รวมทั้งขยายงวดการชำระหนี้ที่เหลือจากเดิมเจ็ด (7) งวดเป็นสิบสอง (12) งวด - 17 - ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2541 บริษัทย่อยยังมิได้จ่ายชำระคืนเงินกู้งวดแรกที่ครบกำหนดชำระภายใน เดือนธันวาคม 2541 บางส่วนจำนวน 222 ล้านบาท และอยู่ระหว่างดำเนินการที่จะชำระเงินกู้ดังกล่าวให้ เสร็จสิ้นภายในเดือนมีนาคม 2542 โดยการเพิ่มทุนจดทะเบียนจำนวน 200 ล้านบาท และรอผลการ พิจารณาอนุมัติสินเชื่อรายย่อยของธนาคารแห่งเดียวกันให้กับลูกหนี้ค่าสิทธิการเช่าระยะยาว เพื่อนำเงินที่ได้ มาชำระหนี้แก่ธนาคารให้ครบถ้วน นอกจากนี้ บริษัทย่อยไม่ได้รับหนังสือแจ้งจากธนาคารว่าผิดนัดชำระหนี้ แต่อย่างใด เพราะอยู่ระหว่างการเจรจาอีกทั้งธนาคารยังคงเรียกเก็บดอกเบี้ยตามอัตราดอกเบี้ยขั้นต่ำของ ลูกค้าชั้นดี (MLR) ตามสัญญาตามปกติและบริษัทย่อยก็ชำระดอกเบี้ยแก่ธนาคารโดยสม่ำเสมอมาโดยตลอด ฝ่ายบริหารเชื่อว่าจะได้รับหนังสือผ่อนผันจากธนาคารภายในเดือนมีนาคม 2542 อย่างไรก็ดี เนื่องจากบริษัทย่อยยังไม่ได้รับหนังสือแจ้งจากธนาคารในการผ่อนผันการชำระหนี้ ครั้งที่สองนี้อย่างเป็นทางการ จึงได้แสดงเงินกู้คงเหลือทั้งจำนวนรวม 1,422 ล้านบาท ไว้เป็นส่วน หนึ่งของเงินกู้ยืมระยะยาวที่ถึงกำหนดชำระภายในหนึ่ง (1) ปี เงินกู้ยืมระยะยาวนี้ค้ำประกันโดยการจำนองที่ดินของบริษัทย่อยพร้อมสิ่งปลูกสร้างที่มีอยู่ ในขณะ นี้และ/หรือที่จะมีขึ้นในอนาคตบนที่ดินดังกล่าว และกรรมการของบริษัทย่อยบางท่าน 16. หุ้นกู้แปลงสภาพสกุลเงินตราต่างประเทศ ในเดือนเมษายน 2539 บริษัทได้ออกหุ้นกู้แปลงสภาพสกุลเงินตราต่างประเทศซึ่ง จด ทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งลัคเซมเบอร์กเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 50 ล้านเหรียญสหรัฐอเมริกา (แบ่งเป็น 50,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 1,000 เหรียญสหรัฐอเมริกา) มีอายุห้า (5) ปี (จนถึงเดือนเมษายน 2544) หุ้นกู้นี้มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 2.75 ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุกปีจนกว่าจะครบกำหนดไถ่ถอนใน วันที่ 11 เมษายน 2544 ผู้ถือหุ้นสามารถใช้สิทธิแปลงสภาพหุ้นกู้เป็นหุ้นสามัญของบริษัทในอัตราส่วน 1 หุ้นกู้ต่อ 245 หุ้นสามัญในราคาแปลงสภาพหุ้นละ 103 บาท ตามอัตราแลกเปลี่ยนคงที่เมื่อแปลงสภาพ 1 เหรียญสหรัฐอเมริกาเท่ากับ 25.235 บาท (ราคาไถ่ถอนอาจมี การเปลี่ยนแปลงทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเหตุ การณ์ที่อาจเกิดขึ้นตามที่กำหนดไว้ในเงื่อนไขการออกหุ้นกู้) และ สามารถใช้สิทธิแปลงสภาพได้ตั้งแต่ วันที่ 11 มิถุนายน 2539 ถึงวันที่ 27 มีนาคม 2544 นอกจากนี้บริษัทสามารถใช้สิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้บางส่วนหรือ ทั้งหมดในราคาบวกส่วนเพิ่มการไถ่ถอน (Redemption premium) ณ วันใดวันหนึ่งภายหลังวันที่ 11 เมษายน 2542 ทั้งนี้ต้องเป็นไปตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ หุ้นกู้ที่คงเหลืออยู่ ณ วันที่ครบกำหนดไถ่ถอน จะถูกไถ่ถอนในราคาหุ้นละ 1,320 เหรียญ สหรัฐอเมริกา ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2541 บริษัทบันทึกตั้งสำรองค่าใช้จ่ายทางการเงินสำหรับส่วนเพิ่ม จำนวน 320 เหรียญสหรัฐอเมริกาต่อหุ้น ที่จะต้องจ่ายเมื่อครบกำหนดไถ่ถอนไว้ ในบัญชี โดยคำนวณ ตามวิธีเส้นตรงตลอดอายุของหุ้นกู้ - 18 - เกี่ยวเนื่องกับการออกหุ้นกู้ดังกล่าวข้างต้น บริษัทได้ดำเนินการเพิ่มทุนจดทะเบียนเพื่อ รองรับการ ใช้สิทธิการแปลงสภาพหุ้นกู้ของผู้ถือหุ้นกู้ด้วยจำนวน 21 ล้านหุ้น ในปี 2541 บริษัทได้ซื้อและยกเลิกหุ้นกู้ดังกล่าวข้างต้นจำนวนเงินรวม 11 ล้านเหรียญสหรัฐอเมริกา (แบ่งเป็น 10,951 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 1,000 เหรียญสหรัฐอเมริกา) โดยบริษัทมีกำไรจากการซื้อหุ้นกู้ดัง กล่าวจำนวนเงินประมาณ 264.6 ล้านบาท บริษัทแสดงรายการดังกล่าวแยกต่างหากในงบกำไรขาดทุน 17. ทุนสำรอง ตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายมหาชน พ.ศ. 2535 บริษัทต้องจัดสรรทุนสำรองอย่างน้อยเท่ากับร้อย ละ 5 ของกำไรสุทธิประจำปีหลังจากหักขาดทุนสะสมยกมา (ถ้ามี) จนกว่าสำรองดังกล่าวจะมีจำนวนเท่า กับร้อยละ 10 ของเงินทุนจดทะเบียน ทุนสำรองนี้ไม่อาจนำไปจ่ายเป็นเงินปันผลได้ 18. เงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ บริษัทได้จัดตั้งกองทุนสำรองเลี้ยงชีพสำหรับพนักงานของบริษัททุกคนที่ทำงานกับบริษัทแล้วครบ 1 ปี ทั้งนี้ พนักงานต้องจ่ายเงินสะสมเข้ากองทุนในอัตราร้อยละ 3 5 และ 10 ของเงินเดือนทุกเดือนโดยขึ้น อยู่กับอายุการทำงานและบริษัทจะจ่ายสมทบเข้ากองทุนดังกล่าวด้วยเงินที่เท่ากัน บริษัทได้แต่งตั้งผู้จัด การกองทุนเพื่อบริหารกองทุนตามพระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ. 2530 ออกตามความใน ประมวลรัษฎากรว่าด้วยกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เงินที่บริษัทจ่ายสมทบเข้ากองทุนฯ และได้บันทึกเป็นค่าใช้ จ่ายในการดำเนินงานของปี 2541 และ 2540 เป็นเงิน 1,638,980 บาท และ 2,567,652 บาท ตามลำดับ - 19 - 19. สัญญา 19.1 สัญญาเช่าระยะยาว บริษัท เซ็นทรัล พัฒนา จำกัด บริษัท โฟกัส บริษัท เซ็นทรัล บริษัท เซ็นทรัล สัญญาเช่าที่ดิน (มหาชน) โฮลดิ้ง จำกัด พัฒนา ชลบุรี จำกัด พัฒนา โคราช จำกัด จำนวนสัญญา 2 ฉบับ 2 ฉบับ 1 ฉบับ 2 ฉบับ วัตถุประสงค์ ดำเนินการก่อสร้างอาคารศูนย์การค้าเพื่อให้เช่า ทำสัญญากับ บริษัท สรรพสินค้า กลุ่มบุคคลและ บริษัท ไทยสงวน เซ็นทรัล จำกัด บุคคลธรรมดา บุคคลธรรมดา บริการ จำกัด อายุสัญญา 30 ปี 30 ปี 30 ปี 3 ปี และ 30 ปี วันสิ้นสุดสัญญา เดือนธันวาคม เดือนสิงหาคม เดือนพฤษภาคม เดือนกุมภาพันธ์ 2566 และเดือน 2568 และเดือน 2570 2542 และเดือน ธันวาคม 2567 มิถุนายน 2573 กุมภาพันธ์ 2572 ค่าเช่า จ่ายล่วงหน้า ตามสัญญา (ล้านบาท) 438.8 266.8 12.6 320.0 ค่าเช่าจ่ายล่วงหน้า จ่ายจนถึงวันที่ 31ธันวาคม 2541 (ล้านบาท) 438.8 244.8 12.6 80.0 บันทึกไว้ภายใต้ บัญชี สินทรัพย์เพื่อ ต้นทุนโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ สินทรัพย์อื่น ให้เช่า - 20 - บริษัท เซ็นทรัล พัฒนา จำกัด บริษัท โฟกัส บริษัท เซ็นทรัล บริษัท เซ็นทรัล สัญญาเช่าที่ดิน (มหาชน โฮลดิ้ง จำกัด พัฒนา ชลบุรี จำกัด พัฒนา โคราช จำกัด เงินค้ำประกันสิทธิ การเช่าตามสัญญา (ล้านบาท) - 298.6 - - เงินค้ำประกันสิทธิ การเช่าจ่ายจนถึง วันที่ 31ธันวาคม 2541 (ล้านบาท) - 298.6 - - บันทึกไว้ภายใต้ บัญชี - สินทรัพย์อื่น - - ปีที่ได้รับคืน เงินค้ำประกัน ปีการเช่าที่ 21 สิทธิการเช่า - ถึงปีการเช่าที่ 30 - - ค่าเช่ารายเดือน รวมปีละประมาณ (ล้านบาท) - 13.9 ถึง 119.0 0.6 ถึง 1.0 2.4 การต่ออายุสัญญา ต้องแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรล่วงหน้า 1 ปี ก่อนครบอายุการเช่า กรรมสิทธิ์ในอาคารและสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินที่เช่าจะตกเป็นของผู้ให้เช่า เมื่อสิ้นสุดอายุสัญญา (ยังมีต่อ)