02 มีนาคม 2549
คำอธิบายผลการดำเนินงานไตรมาส 4/2548 และปี 2548
บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน)
คำอธิบายและการวิเคราะห์ของฝ่ายจัดการ
ฐานะการเงินและผลการดำเนินงานสำหรับไตรมาสที่ 4 ปี 2548 และสำหรับปี 2548
ภาพรวมผลการดำเนินงาน
บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ประกาศกำไรสุทธิในไตรมาส
ที่ 4 ปี 2548 จำนวน 381.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน 64.0
ล้านบาท หรือ 20.1% เนื่องมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ค่าเช่าของอาคารสำนักงาน
เซ็นทรัลเวิลด์ และการเปิดศูนย์การค้าเซ็นทรัล ทาวน์ รัตนาธิเบศร์ อย่างเป็นทางการ
รายได้จากการเป็นผู้บริหารสินทรัพย์ให้แก่กองทุนCPNRF และส่วนแบ่งผลกำไรจากเงิน
ลงทุนในกองทุนCPNRF จำนวน 33% ในไตรมาสนี้เท่ากับ 50.9 ล้านบาท และ 47.3
ล้านบาท ตามลำดับ
สำหรับผลการดำเนินงานสำหรับปี 2548 บริษัทมีกำไรสุทธิจำนวน 3,294.5
ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,946.8 ล้านบาท 144.5% จากปีก่อน ส่วนใหญ่เกิดจากกำไรจาก
การทำสัญญาเช่าการเงิน1 อาคารและงานระบบศูนย์การค้าเซ็นทรัล พลาซา พระราม 2
และพระราม 3 ให้แก่กองทุนCPNRF ในเดือนสิงหาคม 2548 จำนวน 2,884.8 ล้าน
บาท (สุทธิหลังภาษีเท่ากับ 2,018.9 ล้านบาท) 2 และส่วนหนึ่งมาจากการเพิ่มขึ้นของ
รายได้ค่าเช่าของอาคารสำนักงานเซ็นทรัลเวิลด์ และการเปิดศูนย์การค้าเซ็นทรัล ทาวน์
รัตนาธิเบศร์ อย่างเป็นทางการ
ในปี 2548 บริษัทได้ตั้งสำรองสำหรับการด้อยค่าของที่ดินรอการพัฒนาจำนวน
406.6 ล้านบาท (สุทธิหลังภาษีและส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อยเท่ากับ 170.7 ล้านบาท)
ซึ่งหากไม่รวมกำไรจากการทำสัญญาเช่าทางการเงินกับกองทุนCPNRF และการสำรอง
การด้อยค่าของสินทรัพย์ดังกล่าว บริษัทยังคงมีกำไรสุทธิจากการดำเนินงานเท่ากับ
1,446.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2547 จำนวน 98.6 ล้านบาท หรือ 7.3% จากปีก่อน
เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ค่าเช่าของอาคารสำนักงานเซ็นทรัลเวิลด์ และการเปิด
ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ทาวน์ รัตนาธิเบศร์ รวมทั้งบริษัทยังได้รับรายได้จากการเป็น
ผู้บริหารสินทรัพย์ให้กับกองทุนCPNRF และส่วนแบ่งผลกำไรจากเงินลงทุนในกองทุนCPNRF
ซึ่งบริษัทถืออยู่ในสัดส่วนร้อยละ 33 ในปีนี้เท่ากับ 61.9 ล้านบาท และ 83.2 ล้านบาท
ตามลำดับ ทั้งที่รายได้หลักและรายได้อื่นของโครงการเซ็นทรัล พลาซา พระราม 2 และ
พระราม 3 บางส่วนไม่ได้รวมอยู่ในงบการเงินของบริษัท
บริษัทได้ปรับปรุงพัฒนาโครงการเดิมอย่างต่อเนื่อง โดยได้เปิดอาคารสำนักงาน
เซ็นทรัลเวิลด์อย่างเป็นทางการในช่วงต้นปี โดยปัจจุบันมีผู้เช่าพื้นที่แล้วกว่า 90% และ
บริษัทได้จัดงานเปิดตัวศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ โดยการเชิญสาวงามผู้เข้าประกวด
มิสยูนิเวิร์สทั้ง 81 ประเทศ มาร่วมเดินแฟชั่นโชว์เป็นไฮไลท์ของงาน ซึ่งส่งผลให้
โครงการได้รับการตอบรับที่ดีในปัจจุบัน บริษัทได้เปิดตัวศูนย์การค้าเซ็นทรัล ทาวน์
รัตนาธิเบศร์ อย่างเป็นทางการในเดือนกันยายน โดยบริษัทได้ปรับปรุงภาพลักษณ์ทั้ง
ภายในและภายนอกศูนย์การค้าให้มีความทันสมัย และเพิ่มพื้นที่ขายให้มากขึ้น ได้แก่ พื้นที่
โรงภาพยนตร์ ร้านอาหารและร้านค้าต่างๆ รวมกว่า 25,000 ตารางเมตร และการ
เปิดดำเนินการของห้างสรรพสินค้าโรบินสัน ส่งผลให้โครงการนี้ได้รับการตอบรับเป็น
อย่างดีจากลูกค้า นอกจากนี้บริษัทยังมองหาโอกาสลงทุนในโครงการใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งจะช่วยเพิ่มฐานรายได้และกำไรให้แก่บริษัทในอนาคต บริษัทได้ซื้อที่ดินเพื่อพัฒนา
ศูนย์การค้าแห่งใหม่บริเวณถนนเลียบชายหาดพัทยาและถนนแจ้งวัฒนะ ทำให้บริษัทจำเป็น
ต้องจัดหาเงินเพิ่มเติมเพื่อใช้ในการปรับปรุงโครงการและพัฒนาโครงการใหม่ดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม อัตราหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทลดลงเหลือ
0.4 เท่า เนื่องจากในปีนี้บริษัทสามารถจัดหาเงินทุนได้จากการจัดตั้งกองทุนCPNRF
ตามที่ได้กล่าวข้างต้น ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของบริษัทที่จะดำรงอัตราส่วนดังกล่าวไว้ไม่
เกิน 1 เท่า
ในวันที่ 25 พฤษภาคม 2548 บริษัทได้จ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นจาก
ผลประกอบการของปี 2547 ในอัตรา 0.25 บาทต่อหุ้น จำนวนรวมทั้งสิ้น 544.7
ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 40 ของกำไรสุทธิ
รายได้
รายได้จากค่าเช่าค่าบริการ และอาหารเครื่องดื่ม สำหรับไตรมาสที่ 4 ของ
ปี 2548 จำนวน 1,519.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน 5.0
ล้านบาท หรือ 0.3% ถึงแม้ว่าบริษัทจะได้โอนรายได้บางส่วนของโครงการเซ็นทรัล
พลาซา พระราม 2 และพระราม 3 ให้กับกองทุนCPNRF ทั้งนี้เป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้น
ของรายได้ค่าเช่าของอาคารสำนักงานเซ็นทรัลเวิลด์ โดยอัตราการเช่าพื้นที่เพิ่มขึ้นจาก
17% ณ สิ้นปี 2547 เป็น 74% ณ สิ้นปี 2548 รวมถึงอัตราค่าเช่าที่เพิ่มสูงขึ้นอย่าง
ต่อเนื่องจากความต้องการอาคารสำนักงานเกรด A ที่เพิ่มสูงขึ้นมาก และการเปิด
ศูนย์การค้า เซ็นทรัล ทาวน์ รัตนาธิเบศร์ ในส่วนของรายได้อื่นสำหรับไตรมาสที่ 4 มี
จำนวน 285.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน 199.3 ล้านบาท หรือ
231.2% เนื่องจากบริษัทได้รับรู้กำไรจากการทำสัญญาเช่ากับกองทุนCPNRF เพิ่มเติมอีก
118.1 ล้านบาท และได้รับรายได้จากการเป็นผู้บริหารสินทรัพย์ให้กับกองทุนCPNRF
จำนวน 50.9 ล้านบาท
ในปี 2548 บริษัทมีรายได้จากค่าเช่าค่าบริการ และอาหารเครื่องดื่ม รวม
6,421.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 587.7 ล้านบาท หรือ 10.1% ถึงแม้ว่ารายได้บางส่วนของ
โครงการเซ็นทรัล พลาซา พระราม 2 และพระราม 3 จะถูกโอนให้กับกองทุนCPNRF
ทั้งนี้เป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ค่าเช่าพื้นที่อาคารสำนักงานเซ็นทรัลเวิลด์ และ
รายได้จากการเปิดส่วนขยายของศูนย์การค้าเซ็นทรัล ทาวน์ รัตนาธิเบศร์ การปรับอัตรา
ค่าเช่าตามปกติของสัญญาเช่า รวมทั้งรายได้จากการให้เช่าพื้นที่ส่วนกลางที่เพิ่มขึ้นจาก
การจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่อง
บริษัทมีรายได้อื่น จำนวน 3,306.9 ล้านบาท ในปี 2548 เพิ่มขึ้นจากปีก่อน
2,983.4 ล้านบาท หรือ 922.2% เป็นผลมาจากการที่บริษัทมีกำไรจากการทำสัญญา
เช่าทางการเงินกับกองุทนCPNRF จำนวน 2,884.8 ล้านบาท และรายได้จากการเป็น
ผู้บริหารสินทรัพย์ให้กับ CPNRF จำนวน 61.9 ล้านบาท
นอกจากนี้บริษัทมีรายได้เพิ่มเติมจากการลงทุนในกองทุนCPNRF ซึ่งแสดงไว้ใน
ส่วนแบ่งผลกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วม โดยในไตรมาสที่ 4 เป็นจำนวน 47.3
ล้านบาท และสำหรับปี 2548 จำนวน 83.2 ล้านบาท
ต้นทุนและค่าใช้จ่ายในการบริหาร
ในไตรมาสที่ 4 ต้นทุนการเช่าและบริการ ต้นทุนอาหารและเครื่องดื่ม มีจำนวน
877.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35.9 ล้านบาท หรือ 4.3% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส
เดียวกันของปีก่อน โดยส่วนใหญ่เป็นผลจากต้นทุนการดำเนินงานและค่าเสื่อมราคาของ
โครงการอาคารสำนักงานเซ็นทรัลเวิลด์ และโครงการรัตนาธิเบศร์ ต้นทุนค่าเช่าที่ดิน
ของโครงการเซ็นทรัลเวิลด์ และค่าสาธารณูปโภคโดยเฉพาะค่าไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น เช่นเดียว
กับต้นทุนการเช่าและบริการ ต้นทุนอาหารและเครื่องดื่ม ในปี 2548 ซึ่งเท่ากับ
3,500.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 345.0 ล้านบาท หรือ 10.9% จากปี 2547 อย่างไรก็ตาม
ในขณะเดียวกันต้นทุนและค่าเสื่อมราคาบางส่วนของโครงการเซ็นทรัล พลาซา
พระราม 2 และพระราม 3 ก็ถูกโอนให้กับกองทุนCPNRF เช่นกัน
บริษัทมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานและบริหารในไตรมาสที่ 4 จำนวน 320.7
ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 0.8 ล้านบาท หรือ 0.3% เนื่องมาจาก
การเปิดดำเนินการของอาคารสำนักงานเซ็นทรัลเวิลด์ และการเปิดดำเนินการส่วนขยาย
ของศูนย์การค้าเซ็นทรัล ทาวน์ รัตนาธิเบศร์ และค่าใช้จ่ายในการโฆษณาและส่งเสริม
การขายที่เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะการเปิดตัวโครงการเซ็น ทรัลเวิลด์และการจัดกิจกรรม
ต่างๆ ภายในศูนย์การค้าอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามค่าใช้จ่ายส่วนหนึ่งจะลดลงจากการ
ที่ไม่รวมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานและบริหารบางส่วนของศูนย์การค้าเซ็นทรัล
พระราม 2 และพระราม 3 ที่โอนไปให้กับกองทุนCPNRF
ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานและบริหารของบริษัทในปี 2548 มีจำนวน
1,405.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 559.2 ล้านบาท หรือ 66.1% ส่วนสำคัญมาจาก
การตั้งสำรองการด้อยค่าของทรัพย์สินในที่ดินรอการพัฒนา จำนวน 406.6 ล้านบาท และ
อีกส่วนหนึ่งมาจากค่าโฆษณาและค่าใช้จ่ายในการส่งเสริมการขายที่เพิ่มสูงขึ้น จากการจัด
กิจกรรมส่งเสริมการขายและประชาสัมพันธ์ในโครงการต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เช่น การ
จัดงานเปิดตัวโครงการอาคารสำนักงานเซ็นทรัลเวิลด์ และศูนย์การค้าเซ็นทรัล ทาวน์
รัตนาธิเบศร์ การประชาสัมพันธ์โครงการเซ็นทรัลเวิลด์ และการจัดกิจกรรมฉลองครบ
รอบ 10 ปีของโครงการเซ็นทรัลพลาซา ปิ่นเกล้า
ภาพรวมฐานะทางการเงิน ณ 31 ธันวาคม 2548
* สินทรัพย์
ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2548 บริษัทและบริษัทย่อยมีสินทรัพย์รวม 33,376.3
ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากยอดสินทรัพย์รวม ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2547 จำนวน 6,272.0
ล้านบาท หรือ 23.1% ส่วนสำคัญมาจากเงินสดที่บริษัทได้รับจากการทำสัญญาเช่า
ทางการเงิน ซึ่งมีมูลค่ามากกว่ามูลค่าตามบัญชีของทรัพย์สินที่โอนให้กับกองทุนCPNRF และ
เงินสดจากการทำสัญญาเช่าดำเนินงานสำหรับที่ดินที่ให้เช่าและเช่าช่วงแก่กองทุนCPNRF
และอีกส่วนหนึ่งมาจาก ที่ดิน อาคารและอุปกรณ์-สุทธิ ที่เพิ่มขึ้นจากการก่อสร้างและ
ปรับปรุงศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ทาวน์ รัตนาธิเบศร์ รวมทั้ง
การซื้อที่ดินเพื่อการพัฒนาโครงการใหม่
* หนี้สิน
ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2548 บริษัทมีหนี้สินรวม 21,587.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น
จากยอดหนี้สินรวม ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2547 จำนวน 3,226.1 ล้านบาท หรือ
17.6% เนื่องจากในปีนี้บริษัทได้มีการกู้ยืมเงินเพิ่มเติมเพื่อใช้ในการปรับปรุงโครงการ
และพัฒนาโครงการใหม่โดยการออกหุ้นกู้จำนวน 1,000 ล้านบาทในเดือนเมษายน 2548
และการเพิ่มทุนของกองทุนรวมธุรกิจไทย 4เพื่อใช้ในการปรับปรุงโครงการเซ็นทรัลเวิลด์
จำนวน 2,425 ล้านบาท อีกส่วนหนึ่งคือการเพิ่มขึ้นของภาษีเงินได้รอการตัดบัญชีสำหรับ
กำไรจากการทำรายการกับกองทุนCPNRF และรายได้ค่าเช่ารับล่วงหน้าที่เพิ่มขึ้นจาก
สัญญาเช่าดำเนินการสำหรับที่ดินที่ให้เช่าและเช่าช่วงแก่กองทุนCPNRF ในขณะเดียวกัน
บริษัทได้จ่ายชำระคืนเงินกู้ของ บจ.เซ็นทรัลพัฒนา พระราม 2 และ พระราม 3 จำนวน
รวม 1,157 ล้านบาท
* ส่วนของผู้ถือหุ้น
บริษัทมีส่วนของผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2548 เท่ากับ 11,789.1
ล้านบาท สูงขึ้นจาก ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2547 จำนวน 3,045.9 ล้านบาท หรือ
34.8% เนื่องจากกำไรสุทธิสำหรับปีจำนวน 3,294.5 ล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้นส่วน
น้อยเพิ่มขึ้น 297.7 ล้านบาท จากการเข้ามาลงทุนเพิ่มในบริษัทย่อยแห่งหนึ่ง ในขณะที่มี
การจ่ายเงินปันผลจากกำไรสุทธิปี 2547 จำนวน 544.7 ล้านบาท เมื่อวันที่
25 พฤษภาคม 2548
โดยในไตรมาสที่ 2 ของปี 2548 ผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิแปลงสภาพเป็นหุ้นสามัญได้ใช้
สิทธิในการแปลงหุ้นบุริมสิทธิจำนวน 178,571,000 หุ้น เป็นหุ้นสามัญตามเงื่อนไขที่ได้
ตกลงไว้กับกองทุนเพื่อการร่วมลงทุน ในอัตราส่วน 1 หุ้นบุริมสิทธิ ต่อ 1 หุ้นสามัญ ทำให้
บริษัทมีหุ้นสามัญทั้งหมดจำนวน 2,178,816,000 หุ้น จากเดิม 2,000,245,000 หุ้น
ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 10 พฤษภาคม 2548 โดยรายการดังกล่าวไม่มีผลต่อจำนวนทุนที่ออก
และชำระแล้วแต่อย่างใด
การวิเคราะห์อัตราส่วนทางการเงิน
* * ความสามารถในการทำกำไร
สำหรับไตรมาสที่ 4 ปี 2548 อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 42.3% ซึ่งลดลงจาก
ไตรมาสเดียวกันของปี 2547 ซึ่งอยู่ที่ 44.4% เป็นผลมาจากรายได้และต้นทุนของ
ศูนย์การค้าเซ็นทรัล พลาซา พระราม 2 และพระราม 3 ที่โอนให้กับกองทุนCPNRF
ภายหลังจากที่ทำสัญญาเช่าตามที่กล่าวข้างต้น ซึ่งหากรวมรายได้และต้นทุนของศูนย์การค้า
เซ็นทรัล พลาซา พระราม 2 และพระราม 3 ส่วนที่โอนไปให้กับกองทุนCPNRF แล้ว
อัตรากำไรขั้นต้นจะอยู่ที่ 46.8% ซึ่งสูงขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เช่นเดียวกับ
อัตรากำไรขั้นต้นสำหรับปี 2548 ซึ่งอยู่ที่ 45.5% ลดลงเล็กน้อยจากอัตรากำไรขั้นต้น
ปีก่อนที่ 45.9% แต่หากรวมรายได้และต้นทุนบางส่วนของศูนย์การค้าเซ็นทรัล พลาซา
พระราม 2 และพระราม 3 ที่โอนไปให้กับกองทุนCPNRF อัตรากำไรขั้นต้นของปี 2548
จะอยู่ที่ 46.6%
ในส่วนของอัตรากำไรสุทธิสำหรับไตรมาสที่ 4 ปี 2548 อยู่ที่ระดับ 20.7%
ใกล้เคียงกับไตรมาสที่ 4 ของปีก่อน ซึ่งอยู่ที่ 20.1% ในขณะที่อัตรากำไรสุทธิของปี
2548 อยู่ที่ระดับ 33.7% เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ระดับ 21.8% เนื่องจากผลกำไรจากการ
ทำสัญญาเช่าทางการเงินในส่วนของอาคารและงานระบบกับกองทุนCPNRF ตามที่กล่าว
ข้างต้น โดยหากไม่รวมกำไรจากการทำสัญญาเช่าทางการเงินกับกองทุนCPNRF และ
การสำรองการด้อยค่าของสินทรัพย์ อัตรากำไรสุทธิของปี 2548 จะอยู่ที่ระดับ 21.0%
ในขณะที่อัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้นสำหรับไตรมาสที่ 4 อยู่ที่ระดับ 13.6% ลดลง
จากไตรมาสที่ 4 ของปี 2547 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 15.0% เนื่องจากการที่กำไรบางส่วนของ
ศูนย์การค้าเซ็นทรัล พลาซา พระราม 2 และพระราม 3 ถูกโอนไปเป็นของกองทุน
CPNRF และส่วนของผู้ถือหุ้นที่สูงขึ้นจากกำไรของการทำรายการกับกองทุนCPNRF ในขณะ
ที่อัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้นสำหรับปี 2548 อยู่ที่ 29.4% เพิ่มขึ้นจากปีก่อนซึ่งอยู่
ที่ระดับ 15.9% เนื่องมาจากผลกำไรจากการทำสัญญาเช่าทางการเงินในส่วนของ
อาคารและงานระบบกับกองทุนCPNRF ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2548
* นโยบายทางการเงิน
ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2548 บริษัทมีอัตราส่วนความสามารถในการชำระ
ดอกเบี้ย 3.7 เท่า ลดลงจากไตรมาสที่ 4 ของปี 2547 ซึ่งอยู่ที่ 13.8 เท่า เนื่องจาก
ดอกเบี้ยจ่ายที่เพิ่มขึ้นจากการที่บริษัทได้มีการกู้ยืมเงินเพิ่มเติมเพื่อใช้ในการปรับปรุง
โครงการและพัฒนาโครงการใหม่ และกระแสเงินสดรับจากศูนย์การค้าเซ็นทรัล พลาซา
พระราม 2 และพระราม 3 ที่ลดลงเนื่องจากบางส่วนถูกโอนไปให้กับกองทุนCPNRF
รวมถึงในช่วงปีก่อนมีเงินสดรับจากเงินมัดจำรับจากอาคารสำนักงานเซ็นทรัลเวิลด์
เช่นเดียวกับอัตราส่วนความสามารถในการชำระดอกเบี้ยในปี 2548 ที่อยู่ที่ 5.9 เท่า
ลดลงจากปี 2547 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 7.6 เท่า
สำหรับอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นลดลงจาก 0.9
เท่า ในปี 2547 มาอยู่ที่ 0.4 เท่า ส่วนสำคัญมาจากเงินสดที่ได้รับจากการทำสัญญา
เช่าทางการเงินและสัญญาเช่าดำเนินการกับกองทุนCPNRF การชำระคืนเงินกู้ของ
บริษัทเซ็นทรัลพัฒนา พระราม 2 และพระราม 3 ตลอดจนส่วนของผู้ถือหุ้นที่เพิ่มขึ้นจาก
กำไรจากการทำรายการกับกองทุนCPNRF
ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2548 เงินกู้ยืมที่มีภาระดอกเบี้ยประกอบด้วยเงินกู้อัตรา
ดอกเบี้ยคงที่ 93% และเงินกู้อัตราดอกเบี้ยลอยตัว 7% อัตราดอกเบี้ยถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก
เท่ากับ 4.8%
ตารางสรุปอัตราส่วนทางการเงิน ไตรมาสที่ 4 ไตรมาสที่ 4 ปี 2548 ปี 2547
ปี 2548 ปี 2547
LIQUIDITY RATIO
อัตราส่วนสภาพคล่อง (เท่า) 1.61 0.60 1.61 0.60
ระยะเวลาเก็บหนี้เฉลี่ย (วัน) 8 6 4 6
PROFITABILITY RATIO
อัตรากำไรขั้นต้น (%) 42.3% 44.4% 45.5% 45.9%
อัตรากำไรสุทธิ (%) 20.7% 20.1% 33.7% 21.8%
อัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (%) 13.6% 15.0% 29.4% 15.9%
EFFICIENCY RATIO
อัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์ (%) 4.6% 4.7% 9.9% 5.0%
FINANCIAL POLICY RATIO
อัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิ
ต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (เท่า) 0.4 0.9 0.4 0.9
อัตราส่วนความสามารถชำระดอกเบี้ย (เท่า) 3.7 13.8 5.9 7.6
1 สัญญาเช่าแบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่
1. สัญญาเช่าทางการเงิน (Financial Lease) ใช้บันทึกบัญชีในส่วนของอาคาร
และ งานระบบ ที่ให้เช่าแก่กองทุนCPNRF ซึ่งบริษัทจะบันทึกรับรู้รายได้ครั้งเดียว
ณ วันที่ทำสัญญาเช่า
2. สัญญาเช่าดำเนินงาน (Operating Lease) ใช้บันทึกบัญชีในส่วนของที่ดินที่ให้
เช่าและ/หรือเช่าช่วงแก่กองทุนCPNRF ซึ่งบริษัทจะบันทึกรับรู้รายได้ตลอดอายุ
สัญญาเช่า
2 ภาษีเงินได้จากกำไรจากการเช่าทางการเงินกับกองทุนCPNRF และสำรองจากการ
ด้อยค่าของทรัพย์สิน บริษัทบันทึกภาษีเงินได้จากทั้ง 2 รายการ ตามหลักการของ
ภาษีเงินได้รอตัดบัญชี (Deferred income tax) คือบันทึกภาษีเงินได้ 30% ทั้ง
จำนวนจากรายการทั้งสองในปีนี้ โดยภาษีจากกำไรจากการให้เช่าทางการเงินมี
จำนวน 865.9 ล้านบาท และภาษีของสำรองจากการด้อยค่าของทรัพย์สินจำนวน
122.0 ล้านบาท