27 กุมภาพันธ์ 2552
คำอธิบายและการวิเคราะห์ของฝ่ายจัดการไตรมาส4 ปี51และประจำปี51
บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน)
คำอธิบายและการวิเคราะห์ของฝ่ายจัดการ
ฐานะการเงินและผลการดำเนินงานรวมของบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย
ประจำไตรมาสที่ 4 ปี 2551และประจำปี 2551 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2551
ภาพรวมผลการดำเนินงาน
ภาวการณ์ค้าปลีกของไทยในปี 2551 ได้รับผลกระทบทั้งจากความไม่มั่นคงทางการเมือง
ภายในประเทศและภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ส่งผลให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและการจับจ่าย
ใช้สอยลดลงเป็นลำดับ อย่างไรก็ตาม ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในปี 2551 ยังสามารถเติบโต
ได้ดี ซึ่งเป็นผลมาจากรายได้ค่าเช่าและบริการที่เพิ่มขึ้นและการจัดการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ
การขยายโครงการใหม่ยังคงเป็นไปตามแผนงานที่ได้กำหนดไว้ โดยเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2551
ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้เปิดให้บริการโครงการศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา แจ้งวัฒนะ
ในไตรมาสที่ 4 ปี 2551 บริษัทเซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ("บริษัทฯ") มีกำไรสุทธิจำนวน
476.5 ล้านบาท ลดลง 8.4% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และมีรายได้จากค่าเช่าค่าบริการและ
ค่าขายอาหารและเครื่องดื่มจำนวน 2,215.7 ล้านบาท ไม่เปลี่ยนแปลงจากไตรมาสเดียวกันของปี
ก่อน ซึ่งได้รวมรายการที่ไม่เกิดขึ้นเป็นประจำจำนวน 214.3 ล้านบาท จากรายได้ค่าชดเชยอัน
เนื่องมาจากการเสียสิทธิการใช้ที่ดินบางส่วน ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ให้แก่ห้างสรรพสินค้าเซ็น
หากไม่รวมรายได้ที่มิได้เกิดขึ้นเป็นประจำดังกล่าว รายได้จากค่าเช่าค่าบริการและค่าขายอาหาร
และเครื่องดื่มในไตรมาสที่4 ปี 2551 จะเพิ่มขึ้น 11.6% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และมีกำไร
สุทธิเพิ่มขึ้น 55.8% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลจากการเปิดให้บริการศูนย์การค้า
แห่งใหม่และค่าใช้จ่ายในการโฆษณาและประชาสัมพันธ์ที่ลดลง
เมื่อเปรียบเทียบกับผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ผ่านมา รายได้จากค่าเช่าค่าบริการและค่าขาย
อาหารและเครื่องดื่มของบริษัทฯ ในไตรมาสที่ 4 ปี 2551 เติบโต 2.6% จากการเปิดให้บริการ
ศูนย์การค้าใหม่ ในขณะที่กำไรสุทธิลดลง 16.8% จากการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายด้านบุคคลากร
(โบนัสประจำปี) และค่าใช้จ่ายในการโฆษณาและประชาสัมพันธ์ในช่วงเทศกาลเฉลิมฉลองสิ้นปี ซึ่ง
เป็นปกติธุรกิจที่ค่าใช้จ่ายดังกล่าวจะสูงขึ้นในไตรมาสที่ 4 ของปี ประกอบกับค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมจาก
การโฆษณาและประชาสัมพันธ์การเปิดให้บริการศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา แจ้งวัฒนะ
สำหรับผลประกอบการประจำปี 2551 บริษัทฯ มีรายได้จากจำนวน 8,598.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น
8.9% จากปีที่ผ่านมา และมีกำไรสุทธิจำนวน 2,185.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.6% จากปีก่อน หาก
ไม่รวมรายได้ที่ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นประจำดังกล่าวข้างต้นในปี 2550 รายได้ค่าเช่าค่าบริการและค่าขาย
อาหารและเครื่องดื่มจะเติบโตเท่ากับ 11.9% และมีกำไรสุทธิในปี 2551 เพิ่มขึ้น 39.3% เมื่อเทียบ
กับปีที่ผ่านมา โดยมีสาเหตุหลักจากผลประกอบการที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องของธุรกิจศูนย์การค้าและ
การบริหารต้นทุนและค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ
ในด้านการบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์ ณ สิ้นปี 2551 พื้นที่ให้เช่าในศูนย์การค้าของบริษัทฯ มี
อัตราการเช่าพื้นที่ (Occupancy Rate) เฉลี่ยอยู่ที่ 97% ไม่เปลี่ยนแปลงจากไตรมาสก่อน สำหรับ
อาคารสำนักงานของบริษัทฯ มีอัตราการเช่าพื้นที่เฉลี่ยอยู่ที่ 94% ลดลงเล็กน้อยจาก 95% ณ สิ้น
ไตรมาสที่ 3 ปี 2551 สำหรับอัตราค่าเช่าพื้นที่ (Rental Rate) ศูนย์การค้าในปี 2551 เฉลี่ยอยู่ที่
1,259 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน เพิ่มขึ้น 3.2% จากอัตราเฉลี่ยของปีก่อน
อนึ่ง นับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2551 บริษัทฯ เปลี่ยนแปลงมาตรฐานการบัญชี เรื่องการรวมธุรกิจใน
การบันทึกส่วนเกินของส่วนได้ส่วนเสียของผู้ซื้อในมูลค่ายุติธรรมสุทธิของสินทรัพย์ หนี้สิน และหนี้สินที่
อาจเกิดขึ้นที่ระบุได้ของผู้ถูกซื้อสูงกว่าต้นทุน ซึ่งเดิมบันทึกเป็น "ค่าความนิยมติดลบ" จะถูกรับรู้เป็นกำไร
หรือขาดทุน การเปลี่ยนแปลงนโยบายการบัญชีดังกล่าวมีผลต่องบการเงินรวมของบริษัทฯ (ดูรายละเอียด
ในหมายเหตุประกอบงบการเงินสำหรับแต่ละปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2551 ข้อ 29)
ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นซึ่งกำหนดจะจัดขึ้นในวันที่ 30เมษายน 2552
ให้มีการจ่ายเงินปันผลจำนวน 0.33 บาทต่อหุ้น ซึ่งคิดเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผล33% ของกำไรสุทธิ
ประจำปี 2551 โดยลดลงจากนโยบายอัตราการจ่ายเงินปันผล 40% ของกำไรสุทธิของบริษัทฯ ในปี 2550
เพื่อให้สอดคล้องกับการคงไว้ซึ่งเงินทุนสำรองส่วนหนึ่งเพื่อใช้สนับสนุนการดำเนินงานของบริษัทฯ
และโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนา
ตารางที่1: สรุปข้อมูลทางการเงินไตรมาสที่ 4 ปี 2551 และประจำปี 2551
งบการเงินรวม ไตรมาส 4 ไตรมาส 3 ไตรมาส 4 % เทียบ % เทียบ ปี ปี % เทียบ
(ล้านบาท) 2550 /1 2551 2551 ไตรมาสปีก่อน ไตรมาสก่อน 2550/1 2551 ปีก่อน
รายได้จากค่าเช่าค่าบริการ 1,984.9 2,160.3 2,215.7 11.6% 2.6% 7,681.0 8,598.6 11.9%
และค่าขายอาหารเครื่องดื่ม
กำไรขั้นต้น 842.9 936.1 883.3 4.8% (5.6%) 3,207.6 3,709.0 15.6%
กำไรจากการดำเนินงาน 449.0 840.7 629.8 40.3% (25.1%) 2,404.3 3,030.9 26.1%
กำไรสุทธิ 305.9 572.5 476.5 55.8% (16.8%) 1,569.1 2,185.8 39.3%
กำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐาน (บาท) 0.14 0.26 0.22 55.8% (16.8%) 0.72 1.00 39.3%
หมายเหตุ: /1 ไม่รวมรายการที่ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นประจำจำนวน 214.3 ล้านบาท ในไตรมาสที่ 4 ปี 2550 และประจำปี 2550
การพัฒนาโครงการใหม่
วิกฤตการณ์ทางการเงินของเศรษฐกิจโลกได้ส่งผลกระทบต่อบริษัทฯ ดังนี้
1) การชะลอแผนการระดมเงินทุนผ่านกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ซีพีเอ็น รีเทลโกรท ("CPNRF")
เนื่องจากภาวะตลาดทุนที่ไม่เอื้ออำนวย ส่งผลให้โครงสร้างทางการเงินของบริษัทฯ จำต้อง
เปลี่ยนแปลงไปจากแผนงานที่กำหนดไว้เดิม โดยบริษัทฯ ได้จัดหาเงินทุนจากแหล่งเงินทุนอื่นเพื่อ
รองรับการลงทุนเป็นการทดแทนไว้แล้ว
2) การขยายฐานทางธุรกิจเป็นไปอย่างระมัดระวังมากขึ้น
สำหรับการพัฒนา 4 โครงการใหม่ ได้แก่ โครงการเซ็นทรัลพลาซา แจ้งวัฒนะ, เซ็นทรัลเฟสติวัล
พัทยา บีช, เซ็นทรัลพลาซา ชลบุรี และ เซ็นทรัลพลาซา ขอนแก่น ยังคงเป็นไปตามแผนงานเดิม
โดยบริษัทฯ ได้จัดตรียมแหล่งเงินทุนซึ่งมีเพียงพอต่อสนับสนุนโครงการดังกล่าวทั้งหมด โดยส่วน
หนึ่งมาจากวงเงินกู้ระยะยาวที่ได้รับการอนุมัติสนับสนุนจากธนาคารพาณิชย์ภายในประเทศ ซึ่งเป็น
ผลจากประวัติผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ที่อยู่ในเกณฑ์ดีมาโดยตลอดและได้รับการจัดอันดับ
ความน่าเชื่อถือทางการเงิน (เครดิตเร็ตติ้ง) ในระดับ A+
โดยเมื่อเร็วๆ นี้ บริษัทฯ ได้เปิดให้บริการศูนย์การค้าแห่งใหม่ 2 โครงการ ได้แก่ ศูนย์การค้า
เซ็นทรัลพลาซา แจ้งวัฒนะ ในเดือนพฤศจิกายน 2551 และศูนย์การค้าเซ็นทรัลเฟสติวัล พัทยาบีช
ในเดือนมกราคม 2552 สำหรับอีก 2 โครงการซึ่งอยู่ระหว่างการพัฒนา คือ โครงการเซ็นทรัล
พลาซา ชลบุรี และเซ็นทรัลพลาซา ขอนแก่น นั้น มีความคืบหน้าเป็นไปตามแผนงานที่กำหนดไว้
ทั้งในด้านการก่อสร้าง ยอดจองพื้นที่ให้เช่า และงบประมาณการลงทุน โดยมีกำหนดเปิดให้บริการ
ในเดือนพฤษภาคม 2552 และเดือนธันวาคม 2552 ตามลำดับ
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ เชื่อว่าท่ามกลางภาวะวิกฤตทางการเงินในขณะนี้ โอกาสในการพัฒนาธุรกิจ
ยังคงมีอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโอกาสในซื้อที่ดินหรือการเข้าซื้อโครงการศูนย์การค้าที่บริหารโดย
ผู้ประกอบการอื่น รวมถึงต้นทุนการก่อสร้างที่ต่ำลงตามราคาวัสดุการก่อสร้างที่ปรับตัวลดลง ดังนั้น
สำหรับโครงการในอนาคตอื่นๆ บริษัทฯจะทำการประเมินสถานการณ์ทั้งในด้านของภาวะตลาดค้า
ปลีก ต้นทุนค่าก่อสร้าง ค่าที่ดิน โอกาสการเข้าซื้อโครงการอื่นๆ รวมถึงอัตราผลตอบแทน เพื่อให้
มั่นใจว่าทุกการลงทุนเป็นไปอย่างรอบคอบและได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่าที่สุด
การดำเนินงาน
ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2551 บริษัทฯ บริหารพื้นที่ให้เช่ารวมทั้งหมด 778,496 ตารางเมตร (เพิ่มขึ้น
8.8% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อนและ 9.1% จากไตรมาสที่ผ่านมา) ประกอบด้วย พื้นที่ค้าปลีกใน
ศูนย์การค้า 627,843 ตารางเมตร พื้นที่อาคารสำนักงาน 144,280 ตารางเมตร และพื้นที่อาคารที่
พักอาศัย 6,373 ตารางเมตร อนึ่ง พื้นที่ให้เช่าดังกล่าวข้างต้นไม่นับรวมพื้นที่ให้เช่า 133,268
ตารางเมตร ในโครงการเซ็นทรัลพลาซาพระราม 2 และเซ็นทรัลพลาซา รัชดา-พระราม 3 ซึ่งผลการ
ดำเนินงานถูกโอนไปยังกองทุน CPNRF แต่ยังอยู่ภายใต้การบริหารของบริษัทฯ ในฐานะของผู้บริหาร
สินทรัพย์ของกองทุน
ณ สิ้นไตรมาสที่ 4 ปี 2551 บริษัทฯ มีอัตราการเช่าพื้นที่ศูนย์การค้าเฉลี่ยอยู่ที่ 97% ไม่เปลี่ยนแปลง
จากไตรมาสที่ผ่านมาและไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยอัตราการเช่าพื้นที่ของโครงการเซ็นทรัลเวิลด์
เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 97% จากการเปิดให้บริการของผู้เช่าหลัก "เซ็นเตอร์พ้อยท์"และร้านค้าแฟชั่นรายย่อยอื่นๆ
ในขณะที่อัตราการเช่าพื้นที่ของโครงการใหม่ คือ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา แจ้งวัฒนะ เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่
91% ณ สิ้นปี 2551 จาก 85% ณ วันที่เปิดให้บริการศูนย์การค้า
ในด้านของอัตราค่าเช่ายังคงปรับขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง โดย ณ สิ้น ไตรมาสที่ 4 ปี 2551 อัตราค่าเช่า
เฉลี่ยพื้นที่ศูนย์การค้าของบริษัทฯ อยู่ที่ 1,284 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน (เติบโต 0.3% จาก
ไตรมาสที่ผ่านมา และ 3.6% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน) ทำให้อัตราค่าเช่าโดยเฉลี่ยทั้งปี
2551 อยู่ที่ 1,259 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน เติบโต 3.2% จากปีก่อน สำหรับการเปรียบเทียบ
เพื่อให้เห็นผลการเปลี่ยนแปลงของอัตราค่าเช่าอย่างชัดเจน หากไม่รวมอัตราค่าเช่าพื้นที่โครงการ
เปิดใหม่คือ เซ็นทรัลพลาซา แจ้งวัฒนะ อัตราค่าเช่าเฉลี่ยพื้นที่ศูนย์การค้าอื่นของบริษัทฯ ใน
ไตรมาสที่ 4 ปี 2551 อยู่ที่ 1,291 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน (เติบโต 0.8% จากไตรมาสที่ผ่าน
มา และ 4.2% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน) และมรอัตราเฉลี่ยสำหรับปี 2551 อยู่ที่ 1,260 บาท
ต่อตารางเมตรต่อเดือน (เติบโต 3.3% จากปีก่อน) อนึ่ง ค่าเช่าเฉลี่ยดังกล่าวได้รวมส่วนลด
(พิเศษ) ค่าเช่าพื้นที่ซึ่งให้กับผู้เช่าบางราย ณ โครงการเซ็นทรัลเวิลด์
ในส่วนของอาคารสำนักงาน ณ สิ้นไตรมาสที่ 4 ปี 2551 มีอัตราการเช่าพื้นที่เฉลี่ยอยู่ที่ 94%
ไม่เปลี่ยนแปลงจากไตรมาสที่ผ่านมา และเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 92% ในไตรมาสที่ 4 ปี 2550
ตารางที่ 2: สรุปพื้นที่ให้เช่าและอัตราการเช่าพื้นที่
ศูนย์การค้า พื้นที่ให้เช่า อัตราการเช่าพื้นที่ (%)
(ตร.ม.) ไตรมาส 4/50 ไตรมาส 3/51 ไตรมาส 4/51
ลาดพร้าว 55,531 100% 99% 97%
รามอินทรา 17,159 99% 99% 100%
ปิ่นเกล้า 55,684 91% 99% 98%
พัทยา 15,227 99% 100% 100%
รัชดา-พระราม3 18,192 100% 100% 100%
เชียงใหม่ 76,321 98% 99% 99%
บางนา 57,435 99% 98% 98%
พระราม2 5,937 100% 100% 100%
รัตนาธิเบศร์ 76,848 99% 99% 98%
เซ็นทรัลเวิลด์ 184,592 93% 92% 97%
แจ้งวัฒนะ 64,917 n/a n/a 91%
รวม 627,843 96% 97% 97%
อาคารสำนักงาน พื้นที่ให้เช่า อัตราการเช่าพื้นที่ (%)
(ตร.ม.) ไตรมาส 4/50 ไตรมาส 3/51 ไตรมาส 4/51
ลาดพร้าว 17,719 86% 99% 97%
ปิ่นเกล้า เอ 22,426 91% 86% 85%
ปิ่นเกล้า บี 11,334 80% 89% 92%
บางนา 10,007 98% 100% 97%
เซ็นทรัลเวิลด์ 82,794 95% 96% 96%
รวม 144,280 92% 95% 94%
สรุปผลการดำเนินงานทางการเงิน
รายได้รวม (รายได้จากค่าเช่าและบริการ และ ค่าอาหารและเครื่องดื่ม)
ในไตรมาสที่ 4 ปี 2551 บริษัทฯ มีรายได้จากค่าเช่าและค่าบริการ ค่าอาหารและเครื่องดื่มจำนวน
2,215.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.8% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยมีรายได้ค่าเช่าและค่าบริการ
จำนวน 2,091.3 ล้านบาท ลดลง 0.5% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน อนึ่ง ผลการดำเนินงานใน
ไตรมาสที่ 4 ปี 2550 นับรวมรายได้ที่ไม่เกิดขึ้นเป็นประจำจำนวน 214.3 ล้านบาท จากค่าชดเชยอัน
เนื่องมาจากการเสียสิทธิการใช้ที่ดินบางส่วน ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ให้แก่ห้างสรรพสินค้าเซ็น
หากไม่รวมรายได้ที่มิได้เกิดขึ้นเป็นประจำดังกล่าว รายได้รวมในไตรมาสที่ 4 ปี 2551 เพิ่มขึ้น
11.6% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และมีรายได้ค่าเช่าและค่าบริการเพิ่มขึ้น 10.8% จาก
ไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
สำหรับผลประกอบการประจำปี 2551 บริษัทฯ มีรายได้รวม 8,598.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.9% จากปี
ก่อน หากไม่รวมรายได้ที่มิได้เกิดขึ้นเป็นประจำดังกล่าว รายได้รวมเติบโต 11.9% จากปีก่อน และมี
รายได้ค่าเช่าและค่าบริการเพิ่มขึ้น 11.5% จากปีก่อน ซึ่งเป็นผลมาจาก
(1) การเพิ่มขึ้นของรายได้ค่าบริการ ภายหลังการปรับขึ้นอัตราค่าบริการร่วมและค่าบริการไอเย็น
("CAM Charge") เมื่อเดือนมกราคม ปี 2551
(2) รายได้ที่เพิ่มขึ้นจากโครงการเซ็นทรัลเวิลด์ จากอัตราการเช่าพื้นที่ที่สูงขึ้นและการปรับลด
ส่วนลด (พิเศษ) ค่าเช่าพื้นที่
(3) อัตราค่าเช่าพื้นที่ที่ปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในทุกโครงการ
(4) รายได้ส่วนเพิ่มจากการเปิดให้บริการศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา แจ้งวัฒนะ
บริษัทฯ มีรายได้ค่าอาหารและเครื่องดื่มในไตรมาสที่ 4 ปี 2551 จำนวน 124.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น
27.4% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และสำหรับทั้งปี 2551 บริษัทฯ มีรายได้ค่าอาหาร
และเครื่องดื่ม จำนวน 456.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.7% เมื่อเทียบกับปีก่อน เป็นผลจากการเปิด
ให้บริการศูนย์อาหาร (Food Park)ที่โครงการเซ็นทรัลพลาซา รัชดา-พระราม 3 และโครงการ
เซ็นทรัลพลาซา ปิ่นเกล้า ภายหลังการปรับปรุงแล้วเสร็จ ประกอบกับรายได้ค่าอาหารและเครื่องดื่ม
ที่เพิ่มเข้ามาในไตรมาสที่ 4 ปี 2551 จากเปิดให้บริการศูนย์อาหาร ณ โครงการเซ็นทรัลพลาซา
แจ้งวัฒนะ
ต้นทุนรวม
ต้นทุนรวม ได้แก่ ต้นทุนจากการให้เช่าพื้นที่และการให้บริการ ต้นทุนอาหารและเครื่องดื่ม รวมถึง
ค่าสาธารณูปโภค ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายสินทรัพย์ให้เช่า ค่าใช้จ่ายพนักงานผู้ปฎิบัติงาน
ที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการให้เช่าและให้บริการพื้นที่โครงการ ค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมและ
บำรุงรักษาสินทรัพย์ให้เช่า และ ภาษีโรงเรือน สำหรับไตรมาสที่ 4 ปี 2551 บริษัทฯ มีต้นทุนรวม
เท่ากับ 1,332.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.7% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยต้นทุนจากการให้
เช่าพื้นที่และการให้บริการเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 1,229.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.2% จากไตรมาสเดียวกัน
ของปีก่อน
สำหรับปี 2551 บริษัทฯ มีต้นทุนรวมเท่ากับ 4,889.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.3% จากปีก่อน โดยมี
ต้นทุนจากการให้เช่าพื้นที่และการให้บริการเท่ากับ 4,516.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.9% จากปีก่อน
เนื่องจาก
(1) การรับรู้ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายสินทรัพย์ให้เช่าโครงการเซ็นทรัลเวิลด์ที่เพิ่มขึ้นตาม
ความคืบหน้าที่แล้วเสร็จโดยรวมของโครงการ
(2) ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายสินทรัพย์โครงการเซ็นทรัลพลาซา แจ้งวัฒนะ ที่เพิ่มเข้ามา
ภายหลังเปิกให้บริการ
(3) ค่าเช่าที่ดินและอาคารโครงการเซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว ที่เพิ่มขึ้นสำหรับช่วงอายุสัญญาใหม่
ซึ่งค่าเช่าดังกล่าวบันทึกโดยใช้ตัวเลขประมาณการที่คาดว่าบริษัทฯ จะต้องจ่ายสำหรับช่วงอายุ
สัญญาใหม่ ซึ่งยังอยู่ระหว่างดำเนินการต่อสัญญาและจะนำเสนอขออนุมัติต่อที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น
ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 25 มีนาคม 2552
สำหรับต้นทุนอาหารและเครื่องดื่มในไตรมาสที่ 4 ปี 2551 เพิ่มขึ้น 36.9% จากไตรมาสเดียวกันปี
ก่อน และสำหรับปี 2551 เพิ่มขึ้น 29.5% จากปีก่อน ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับรายได้ค่าอาหาร
และเครื่องดื่มที่เพิ่มขึ้น ดังที่ได้กล่าวไปแล้วข้างต้น
ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร
ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร ได้แก่ ค่าใช้จ่ายของพนักงานส่วนกลางของบริษัทฯและผู้บริหาร
ค่าโฆษณาประชาสัมพันธ์ ค่าเครื่องใช้สำนักงาน ค่าธรรมเนียมและค่าที่ปรึกษาต่างๆ และค่าเสื่อม
ราคาและค่าตัดจำหน่ายสำหรับอุปกรณ์สำนักงาน สำหรับไตรมาสที่ 4 ปี 2551 บริษัทฯ มีค่าใช้จ่าย
ในการขายและบริหารเท่ากับ 519.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 44.6% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา เป็น
ผลมาจาก 1) ค่าใช้จ่ายในการโฆษณาและประชาสัมพันธ์ในการเปิดโครงการเซ็นทรัลพลาซา แจ้งวัฒนะ
2) ค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรที่เพิ่มขึ้น (การจ่ายโบนัสประจำปี) และ 3) ค่าใช้จ่ายค่าโฆษณา
และประชาสัมพันธ์ในช่วงเฉลิมฉลองสิ้นปี ซึ่งเป็นปกติธุรกิจที่ค่าใช้จ่ายดังกล่าวในไตรมาสที่ 4 ของ
ปีจะสูงกว่าไตรมาสอื่นๆ หากเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน บริษัทฯ มีค่าใช้จ่ายในการ
ขายและบริหารในไตรมาสที่ 4 ปี 2551 นี้ ลดลง 10.5% จากค่าใช้จ่ายในการโฆษณาและ
ประชาสัมพันธ์ที่ลดลง
สำหรับปี 2551 บริษัทฯ มีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารรวมเท่ากับ 1,556.8 ล้านบาท หรือ
เพิ่มขึ้น 2.8% จากปีก่อน จากการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรตามจำนวนบุคคลากรที่เพิ่มขึ้น
เพื่อสนับสนุนการขยายตัวทางธุรกิจ ในขณะที่ค่าใช้จ่ายค่าโฆษณาและประชาสัมพันธ์ลดลง
ทั้งนี้ ในช่วงภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวและการอุปโภคและบริโภคที่ลดลง บริษัทฯ บริหารจัดการ
ค่าใช้จ่ายในการโฆษณาและประชาสัมพันธ์เชิงกลยุทธ์ โดยอิงกับรายได้และพิจารณาควบคู่ไปกับ
ผลตอบแทนทั้งในด้านการกระตุ้นยอดขายและจำนวนผู้เข้ามาใช้บริการในศูนย์การค้าที่จะเกิดขึ้น
ตามมา สำหรับปี 2551 หากไม่นับรวมค่าใช้จ่ายพิเศษสำหรับการประชาสัมพันธ์การเปิดตัว
โครงการใหม่คือ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา แจ้งวัฒนะ แล้ว บริษัทฯ จะมีค่าใช้จ่ายในการโฆษณา
และประชาสัมพันธ์รวมเท่ากับ 461.5 ล้านบาท ลดลง 18.4% จากปีก่อน ซึ่งคิดเป็น 5.4% ของ
รายได้รวมของปี 2551 ลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับ 7.4% ของรายได้รวมในปี 2550
กำไรสุทธิ
บริษัทฯ มีกำไรสุทธิสำหรับไตรมาสที่ 4 ปี 2551 เท่ากับ 476.5 ล้านบาท ลดลง 8.4% เมื่อเทียบ
กับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน หากไม่รวมรายได้ที่มิได้เกิดขึ้นเป็นประจำดังกล่าวในไตรมาสที่ 4
ของปีที่ผ่านมา บริษัทฯ จะมีกำไรสุทธิสำหรับไตรมาสที่ 4 ปี 2551 เพิ่มขึ้น 55.8% เมื่อเทียบกับ
ไตรมาสเดียวกันของปีก่อน จากรายได้ที่เติบโตอย่างต่อเนื่องและค่าใช้จ่ายในการโฆษณาและ
ประชาสัมพันธ์ที่ลดลงดังกล่าวข้างต้น
สำหรับปี 2551 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิเท่ากับ 2,185.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.6% จากปีก่อน ซึ่งหาก
ไม่รวมรายได้ที่มิได้เกิดขึ้นเป็นประจำดังกล่าวในปีที่ผ่านมา บริษัทฯ จะมีกำไรสุทธิเติบโต 39.3%
จากปีก่อน จากผลประกอบการที่เติบโตอย่างต่อเนื่องของธุรกิจศูนย์การค้า
ตารางที่ 3: อัตราส่วนความสามารถในการทำกำไรที่สำคัญ
อัตราส่วนทางการเงิน ไตรมาส 4 ไตรมาส 3 ไตรมาส 4 ปี ปี
2550 /1 2551 2551 2550/1 2551
อัตราส่วนความสามารถในการทำกำไร
อัตรากำไรขั้นต้น (%) 42.5% 44.7% 39.9% 41.8% 43.1%
อัตรากำไรจากการดำเนินงาน(%) 23.7% 26.8% 18.7% 27.9% 24.1%
อัตรากำไรสุทธิ (%) 14.1% 21.7% 18.3% 18.7% 22.2%
อัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (%) 9.6% 15.3% 13.4% 12.5% 15.9%
หมายเหตุ:/1 ไม่รวมรายการที่ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นประจำจำนวน 214.3 ล้านบาท ในไตรมาสที่ 4 ปี 2550 และประจำปี 2550
ฐานะทางการเงิน ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2551
สินทรัพย์รวม
ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2551 บริษัทฯ มีสินทรัพย์รวมจำนวน 43,783.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6,579.1
ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 17.7% จาก ณ สิ้นปี 2550 โดยเป็นผลหลักจากที่ดิน อาคาร และอุปกรณ์
และสิทธิการเช่า (คิดเป็น 80.0% ของสินทรัพย์รวม) ที่เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 6,178.0 ล้านบาท
จากการซื้อที่ดินในจังหวัดเชียงใหม่ การรับรู้มูลค่างานก่อสร้างเพิ่มเติมของโครงการที่อยู่ระหว่าง
การพัฒนาและโครงการเปิดใหม่-ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา แจ้งวัฒนะ
หนี้สินรวม
ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2551 บริษัทฯ มีหนี้สินรวมเท่ากับ 28,610.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5,045.1 ล้าน
บาท หรือเพิ่มขึ้น 21.4% จาก ณ สิ้นปี 2550 จากการกู้ยืมเงินระยะสั้นจำนวน 1,450 ล้านบาท
(ตั๋วสัญญาใช้เงินและตั๋วแลกเงิน) การออกหุ้นกู้ระยะยาวไม่มีหลักประกันจำนวน 1,500 ล้านบาท และ
การเบิกใช้วงเงินกู้ยืมระยะยาว จำนวน 2,500 ล้านบาท โดย ณ สิ้นปี 2551 บริษัทฯ มีหนี้สินที่มี
ภาระดอกเบี้ยจ่ายเพิ่มขึ้น 4,400.2 ล้านบาท หรือ 36.5% จาก ณ สิ้นปี 2550 มาอยู่ที่ 16,445.1
ล้านบาท คิดเป็น 57.5% ของหนี้สินรวม ณ สิ้นปี 2551
ส่วนของผู้ถือหุ้น
ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2551 บริษัทฯ มีส่วนของผู้ถือหุ้นเท่ากับ 15,173.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,534.0
ล้านบาท หรือ 11.2% จาก ณ สิ้นปี 2550 โดย ณ สิ้นปี 2551 บริษัทฯ มีกำไรสะสม 10,307.2
ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,586.7 ล้านบาท จาก ณ สิ้นปี 2550 โดยเป็นผลมาจาก
(1) กำไรสุทธิประจำปี 2551 จำนวน 2,185.8 ล้านบาท
(2) การจ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานปี 2550 จำนวน 718.9 ล้านบาท (0.33 บาทต่อหุ้น)
ซึ่งจ่ายในประจำปี 2551
(3) การรับรู้ค่าความนิยมติดลบเป็นกำไรจำนวน 211.1ล้านบาท โดยบันทึกเป็นรายการปรับปรุงใน
กำไรสะสม ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องการเปลี่ยนแปลงนโยบายการบัญชี *
(*ดูรายละเอียดในหมายเหตุประกอบงบการเงินสำหรับแต่ละปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2551 ข้อ 29)
ตารางที่ 4: สรุปฐานะทางการเงิน ณ สิ้นงวดประจำปี 2551
งบดุล ปี ปี ปี % เปลี่ยนแปลง
(ล้านบาท) 2549 2550 2551 ปี 2551 เทียบปีก่อน
สินทรัพย์รวม 34,336.5 37,204.6 43,783.8 17.7%
หนี้สินรวม 21,762.3 23,565.3 28,610.5 21.4%
หนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยจ่ายสุทธิ 11,112.1 12,044.9 16,445.1 36.5%
ส่วนของผู้ถือหุ้น 12,574.2 13,639.3 15,173.3 11.2%
กำไรสะสม 7,727.3 8,720.6 10,307.2 18.2%
โครงสร้างทางการเงิน
จากภาวะตลาดทุนที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการระดมทุนผ่านกองทุน CPNRF เพื่อใช้สนับสนุนการขยาย
ธุรกิจ บริษัทฯ จึงได้จัดหาเงินทุนจากแหล่งเงินทุนอื่นทดแทน ระหว่างในปี 2551บริษัทฯ ได้ทำการ
กู้ยืมเงินเป็นจำนวนรวม 5,450 ล้านบาท ประกอบด้วยเงินกู้ยืมระยะสั้น จำนวน 1,450 ล้านบาท
(อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3.80% ต่อปี) หุ้นกู้ระยะยาวไม่มีหลักประกันจำนวน 1,500 ล้านบาท (อายุ
3 ปี ชำระคืนเงินต้นเมื่อครบกำหนด และอัตราดอกเบี้ยคงที่ 4.80% ต่อปี) และเงินกู้ยืมระยะยาวจาก
ธนาคารพาณิชย์ จำนวน 2,500 ล้านบาท (ระยะเวลาผ่อนชำระคืนเงินต้น 7 ปี อัตราดอกเบี้ย MLR-
2% ต่อปี) ส่งผลให้อัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้น ณ สิ้นปี 2551 อยู่ที่ 0.8 เท่า
เพิ่มขึ้นจาก 0.6 เท่า เมื่อ ณ สิ้นปี 2550
ณ สิ้นปี 2550 เงินกู้ยืมที่มีภาระดอกเบี้ยของบริษัทฯ ประกอบด้วยเงินกู้ยืมอัตราดอกเบี้ยคงที่ใน
สัดส่วน 61% และอัตราดอกเบี้ยลอยตัวในสัดส่วน 39% โดยมีอัตราดอกเบี้ยถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักอยู่
ที่ 5.2% ต่อปี ลดลงจากปีก่อน ซึ่งอยู่ที่ 5.5% ในปี 2551 บริษัทฯ มีดอกเบี้ยจ่ายและค่าใช้จ่ายใน
การกู้ยืมรวมจำนวน 543.4 ล้านบาท ลดลง 6.4% จาก ณ สิ้นปี 2550 ภายใต้ภาวะการณ์ที่อัตรา
ดอกเบี้ยมีแนวโน้มลดลง บริษัทมีนโยบายที่จะรักษาอัตราส่วนของเงินกู้ยืมที่มีอัตราดอกเบี้ยลอยตัว
ประมาณ 40%
ตารางที่ 5: อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญ
อัตราส่วนทางการเงิน ปี ปี
2550 2551
อัตราส่วนสภาพคล่อง
อัตราส่วนสภาพคล่อง (เท่า) 1.0 0.8
อัตราส่วนสภาพคล่องหมุนเร็ว (เท่า) 0.9 0.7
อัตราส่วนสภาพคล่องกระแสเงินสด (เท่า) 0.9 0.6
ระยะเวลาเก็บหนี้เฉลี่ย (วัน) 14.2 17.8
อัตราส่วนประสิทธิภาพในการดำเนินงาน
อัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์ (%) 4.4% 5.4%
อัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์ถาวร (%) 5.7% 7.2%
อัตราการหมุนของสินทรัพย์ (เท่า) 0.2 0.2
อัตราส่วนวิเคราะห์นโยบายทางการเงิน
อัตราส่วนความสามารถในการชำระภาระผูกพัน/1 (เท่า) 0.7 0.4
อัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (เท่า) 0.6 0.8
อัตราส่วนความสามารถในการชำระดอกเบี้ย/1 (เท่า) 7.2 7.2
หมายเหตุ:/1 กระแสเงินสดจากการดำเนินงาน ไม่รวมเงินสดที่ชำระเจ้าหนี้ตั๋วอาวัลซึ่งครบกำหนด
การเปลี่ยนแปลงนโยบายการบัญชี
เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานบัญชี ฉบับที่ 43 เรื่อง "การรวมธุรกิจ" ซึ่งถือปฏิบัติกับงบการเงิน
สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลังวันที่ 1 มกราคม 2551 กำหนดให้ส่วนเกินของส่วนได้
เสียของผู้ซื้อในมูลค่ายุติธรรมสุทธิของสินทรัพย์ หนี้สิน และหนี้สินที่อาจเกิดขึ้นที่ระบุได้ของผู้ถูก
ซื้อสูงกว่าต้นทุน ซึ่งเดิมบันทึกเป็น "ค่าความนิยมติดลบ" จะสามารถรับรู้กำไรหรือขาดทุนทันที ซึ่ง
การเปลี่ยนแปลงนโยบายการบัญชีดังกล่าวมีผลต่องบการเงินรวมของบริษัทฯ ดังนี้
รายการปรับปรุงในงบดุลของงบการเงินรวม สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2551 ดังนี้
1) ปรับลดมูลค่ายอดยกมาของค่าความนิยมติดลบเป็นจำนวน 112.6 ล้านบาท และปรับเพิ่ม
ในยอดยกมาของกำไรสะสมเป็นจำนวนที่เท่ากัน
2) ปรับเพิ่มมูลค่าสินทรัพย์ไม่มีตัวตนเป็นจำนวน 98.5 ล้านบาท และปรับเพิ่มในยอดยกมา
(ยังมีต่อ)