14 สิงหาคม 2546
คำอธิบายงบการเงินไตรมาสที่ 2
บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน)
บทวิเคราะห์ผลการดำเนินงานและฐานะทางการเงิน ประจำไตรมาสที่ 2 ปี 2546
ผลการดำเนินงาน
ภาพรวมผลการดำเนินงานประจำไตรมาสที่ 2 ปี 2546
บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) มีผลกำไรสุทธิประจำไตรมาสที่สองของปี 2546 จำนวน 310.3
ล้านบาท (กำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐาน 0.78 บาทต่อหุ้น) เพิ่มขึ้น 68.3 ล้านบาท หรือ 28.2% จากไตรมาสเดียวกัน
ของปีก่อน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลจากรายได้ของโครงการใหม่ ได้แก่ โครงการเซ็นทรัลพลาซา พระราม 2
โครงการเซ็นทรัล แอร์พอร์ต พลาซา เชียงใหม่ เฟส 2 บี และ โครงการเซ็นทรัล เวิลด์ พลาซา
(เวิลด์เทรด เซ็นเตอร์ กรุงเทพ)
บริษัทฯ ได้เปิดโครงการเซ็นทรัล แอร์พอร์ตพลาซา เชียงใหม่ เฟส 2 บี เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2546
ด้วยอัตราการเช่าพื้นที่มากกว่า 90% และประสบความสำเร็จในการขายหน่วยลงทุนกองทุนรวมธุรกิจ 4
ซึ่งเป็นเจ้าของโครงการเซ็นทรัล เวิลด พลาซา จำนวนเงิน 1,575 ล้านบาท ให้กับสถาบันการเงิน
เพื่อนำเงินมาใช้ในการพัฒนาโครงการเซ็นทรัล เวิลด์ พลาซา เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2546
บริษัทฯ ได้จ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้น จากผลกำไรสุทธิสำหรับปี 2545 ในอัตรา 1 บาทต่อหุ้น
เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 400 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 42 ของกำไรสุทธิ เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2546
รายได้
รายได้จากค่าเช่าและบริการ และรายได้จากการขายอาหารและเครื่องดื่ม ของบริษัทและบริษัทย่อย
สำหรับไตรมาสที่สองของปี 2546 มีจำนวน 1,300.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 419.7 ล้านบาท หรือ 47.7%
จากไตรมาสเดียวกันในปีก่อน โดยมีปัจจัยหลักมาจากรายได้ของโครงการเซ็นทรัลพลาซา พระราม 2
โครงการเซ็นทรัล เวิลด์ พลาซา และโครงการเซ็นทรัลแอร์พอร์ตพลาซา เชียงใหม่ เฟส 2 บี รวมทั้ง
การเพิ่มขึ้นของอัตราค่าเช่าสำหรับสัญญาที่ต่ออาย ค่าเช่าที่คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ต่อยอดขาย และการเพิ่มขึ้น
ของอัตราการให้เช่าพื้นที่ (Occupancy Rate) โดยในไตรมาสนี้มีผู้เช่าหลักที่เปิดดำเนินการใหม่ ได้แก่
Major Bowl และ Fitness First ที่เซ็นทรัลพลาซา-รัชดา พระราม 3
ต้นทุนและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานและบริหาร
ต้นทุน
ต้นทุนค่าเช่าและบริการ และต้นทุนอาหารและเครื่องดื่มของบริษัทและบริษัทย่อยสำหรับ
ไตรมาสที่สองของปี 2546 มีต้นทุนรวมจำนวน 707.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 293.9 ล้านบาท หรือ 71%
จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากต้นทุนจากโครงการเซ็นทรัลพลาซา พระราม 2 โครงการเซ็นทรัล
เวิลด์ พลาซา และโครงการเซ็นทรัล แอร์พอร์ตพลาซา เชียงใหม่ เฟส 2 บี นอกจากนี้ยังเป็นผลมาจากอัตรา
การใช้สาธารณูปโภคที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากพื้นที่ให้เช่าของโครงการใหม่และโครงการเดิมเพิ่มขึ้น
อนึ่งอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) ลดต่ำลงเนื่องจากการเปิดโครงการใหม่ในช่วงปีแรกๆ
จำเป็นต้องให้ส่วนลดค่าเช่าแก่ร้านค้า ฝ่ายบริหารเชื่อว่าการให้ส่วนลดพิเศษนี้จะไม่จำเป็นในปีต่อไป
ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานและบริหาร
ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานและบริหารของบริษัทและบริษัทย่อยสำหรับไตรมาสที่สองของปีนี้มีจำนวน
157.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 66.3 ล้านบาท จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ปัจจัยหลักมาจากค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน
และบริหารของโครงเซ็นทรัล เวิลด์ พลาซา และโครงการเซ็นทรัลพลาซา พระราม 2 และค่าใช้จ่ายในการโฆษณา
ประชาสัมพันธ์ในการเปิดโครงการเซ็นทรัล แอร์พอร์ตพลาซา เชียงใหม่ เฟส 2 บี นอกจากนี้บริษัทได้บันทึก
ค่าชดเชยกรณีการต่อเติมอาคารโครงการเซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าวให้กับการรถไฟแห่งประเทศไทย ในไตรมาสนี้
จำนวน 8.3 ล้านบาท
ฐานะการเงิน
สินทรัพย์
ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2546 บริษัทและบริษัทย่อยมีสินทรัพย์รวม 23,564.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก
ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2545 จำนวน 2,191.6 ล้านบาท หรือ 10.3% ส่วนใหญ่ ได้แก่ ค่าก่อสร้าง
โครงการเซ็นทรัล แอร์พอร์ตพลาซา เชียงใหม่ เฟส 2 บี และเงินสดจากการขายหน่วยลงทุนกองทุนรวมธุรกิจไทย 4
หนี้สิน
ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2546 บริษัทและบริษัทย่อยมีหนี้สินรวม 17,322.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก
ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2545 จำนวน 1,988.4 ล้านบาท หรือ 13% เนื่องจากการจัดตั้งกองทุนอสังหาริมทรัพย์
สำหรับโครงการเซ็นทรัลซิตี้ บางนา และขายหน่วยลงทุนกองทุนรวมธุรกิจไทย 4
ส่วนของผู้ถือหุ้น
ส่วนของผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้น 203.2 ล้านบาท หรือ 3.4% เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของกำไรจากการดำเนินงาน
ของบริษัทและบริษัทย่อยสุทธิจากเงินปันผลที่จ่ายให้กับผู้ถือหุ้น
บริษัทฯ เพิ่มทุนจดทะเบียนจากเดิม 2,000,245,000 บาท เป็น 2,178,816,000 บาท โดยการออก
หุ้นบุริมสิทธิแปลงสภาพเป็นหุ้นสามัญได้ จำนวน 35,714,200 หุ้น ราคาตามมูลค่าหุ้นละ 5 บาท เสนอขาย
ในราคาหุ้นละ 28 บาท ให้กับไทยแลนด์อิควิตี้ฟันด์ เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2546 ทั้งนี้ภายหลังจากการเพิ่มทุนนี้
ไทยแลนด์อิควิตี้ฟันด์ ถือหุ้นในบริษัทฯ ประมาณ 8.2%
การวิเคราะห์อัตราส่วนทางการเงิน
ณ สิ้นไตรมาสที่สองของปี 2546 บริษัทมีสภาพคล่องในสัดส่วนสินทรัพย์หมุนเวียนต่อหนี้สินหมุนเวียน
เท่ากับ 0.9 เท่า บริษัทมีเงินสด เงินฝากธนาคารและเงินลงทุนชั่วคราว ที่เทียบเท่ากับเงินสดเป็นจำนวนรวม
3,031.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากวันที่ 31 ธันวาคม 2545 จำนวน 1,758 ล้านบาทหรือ 42% ในขณะที่อัตราส่วนหนี้สิน
ที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นในไตรมาสนี้ประมาณ 1 เท่า
อัตราผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้น ในไตรมาสที่สองนี้เท่ากับ 19.9% เพิ่มขึ้นจาก 15.7% ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2545
และมีอัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์ ในไตรมาสนี้เท่ากับ 5.3% สูงขึ้นเล็กน้อยจากจากวันที่ 31 ธันวาคม 2545
ซึ่งเท่ากับ 5.2%
ตารางสรุปอัตราส่วนทางการเงิน
30 มิ.ย. 2546 31 ธ.ค. 2545 30 มิ.ย. 2545
ความสามารถในการดำรงสภาพคล่อง
สินทรัพย์หมุนเวียน/หนี้สินหมุนเวียน (เท่า) 0.9 0.24 0.8
ระยะเวลาเก็บหนี้เฉลี่ย (วัน) 11 11 12
ความสามารถในการทำกำไร
อัตรากำไรขั้นต้น (%) 45.5 52.3 53.0
อัตรากำไรสุทธิ (%) 22.8 24.6 26.0
อัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (%) 20.6 15.7 22.2
ความมีประสิทธิผลของการใช้สินทรัพย์
อัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์ (%) 5.3 5.2 6.3
นโยบายทางการเงิน
อัตราส่วนความสามารถในการชำระดอกเบี้ย (เท่า) 5.1 5.2 5.8
อัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิ/ส่วนของผู้ถือหุ้น(เท่า) 1.1 1.0 0.7